EDC Device
Trends & Thoughts

เครื่อง EDC ยังจำเป็นไหม? มุมมองใหม่จากร้านค้ายุคดิจิทัล

profile-pic
Beam
published-date-icon
15 Aug 2025
published-date-icon
4 min read

ทุกวันนี้พฤติกรรมการชำระเงินของลูกค้าในไทยเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด หลายคนพกโทรศัพท์แทนกระเป๋าสตางค์ เลือกจ่ายผ่าน QR พร้อมเพย์, Mobile Banking หรือ E-Wallet มากกว่าจะใช้เงินสด ขณะเดียวกัน การชำระด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิตก็ยังคงมีบทบาทผ่านเครื่อง EDC ที่เราคุ้นเคยกันดีตามหน้าเคาน์เตอร์

ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสด คำว่า "พร้อมรับชำระ" อาจไม่ได้หมายถึงแค่การมีเครื่องรูดบัตรอีกต่อไป แต่คือ “การรองรับวิธีชำระเงินที่ลูกค้าใช้จริง” เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสขาย

เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น เจ้าของธุรกิจจึงเริ่มตั้งคำถามว่า:

  • ระบบที่เราใช้อยู่วันนี้ ยังตอบโจทย์พรุ่งนี้ได้แค่ไหน

  • มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าและประหยัดกว่าไหม

บทความนี้จะพาคุณสำรวจภาพรวมของระบบการรับชำระเงินในไทย พร้อมชี้ทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้ร้านค้าปรับตัวได้ไว ทันกับโลกยุคดิจิทัลที่ลูกค้าคือศูนย์กลาง

  • ประเทศไทย: ผู้นำด้าน Cashless แห่งอาเซียน
  • ร้านค้าควรรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างไร
  • เครื่องรูดบัตรยังจำเป็นต่อร้านค้าหรือไม่ในปี 2026?
  • ปัจจัยที่แบรนด์ดังหยิบมาทบทวน
  • อนาคตแห่งการชำระเงินจะเป็นแบบไหน?
  • อีกหนึ่งทางเลือกใหม่ จ่ายด้วย Beam Bolt 
  • สรุป: อนาคตร้านค้าไทยไม่ใช่การเลิกใช้เครื่องรูดบัตร แต่คือการมี ทางเลือกที่ครบเครื่องขึ้น

ประเทศไทย: ผู้นำด้าน Cashless แห่งอาเซียน

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน Cashless Society แห่งภูมิภาค จากการผลักดันของภาครัฐ การพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

การเปลี่ยนจากเงินสดสู่ดิจิทัล

การเปิดตัว QR พร้อมเพย์ในปี 2016 ซึ่งเป็นระบบโอนเงินแบบเรียลไทม์รายแรกของโลก ประกอบกับการเติบโตของ E-Wallet และ Mobile Banking ทำให้ระบบการรับชำระเงินได้ถูกปรับปรุงให้ทันสมัยและสะดวกมากยิ่งขึ้น การสแกน QR เพื่อจ่ายเงินกลายเป็นสิ่งปกติในร้านอาหาร คาเฟ่ ตลาดนัด ไปจนถึงบริการส่งของ 

นอกจากนี้ การยกเลิกค่าธรรมเนียมในการโอนข้ามธนาคาร หรือการที่ประเทศไทยครองสถิติการใช้งาน Mobile Banking สูงที่สุดในโลก ทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นแรงผลักดันให้สังคมไทยเดินหน้าสู่ Cashless Society อย่างเต็มรูปแบบ

บทบาทของรัฐบาลและธนาคาร

นโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น "ถุงเงินคนละครึ่ง" และสิทธิ์การใช้จ่ายผ่านแอปฯ กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้ธุรกิจทุกขนาดต้องรองรับช่องทางการชำระเงินใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น QR พร้อมเพย์ หรือการจ่ายด้วยบัตร

ร้านค้าควรรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างไร

ลูกค้าในวันนี้ ไม่ใช่แค่ต้องการ "จ่ายได้" แต่ต้องการจ่ายอย่าง “รวดเร็ว ปลอดภัย และคล่องตัว”

ในอดีต ลูกค้าอาจอดทนกับการรอคิวที่แคชเชียร์หรือเครื่องรูดบัตรเสียชั่วคราว แต่ในปัจจุบัน ความสะดวกและความเร็วกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ที่ลูกค้าไทยคาดหวัง ความพร้อมในการเข้าสู่ Cashless ของธุรกิจในตอนนี้จึงไม่ใช่ “ความล้ำ” แต่กลายเป็น “ความจำเป็น”

การจ่ายแบบไม่ใช้เงินสดไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ แต่กลายเป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง

  • ลูกค้ารุ่นใหม่ไม่พกกระเป๋าสตางค์ แต่ใช้บัตรในการแตะจ่ายหรือสแกน QR เป็นหลัก

  • ความเร็วในการจ่ายเงิน มีผลต่อความพึงพอใจในการใช้บริการ

  • การที่มีช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย เช่น การแตะจ่าย (Tap to Pay), QR, และ Mobile Wallet ไม่ได้เป็นแค่เรื่องความสะดวก แต่คือภาพลักษณ์ของ​แบรนด์

เมื่อลูกค้ามองหาร้านค้าที่ “พร้อม” รองรับการจ่ายแบบหลากหลาย และเจ้าของร้านต้องการควบคุมต้นทุน การพิจารณาทางเลือกที่มากกว่าแค่เครื่องรูดบัตร EDC จึงไม่ใช่ทางเลือกที่เกินจำเป็นอีกต่อไป แต่คือ “กลยุทธ์การอยู่รอดและเติบโต”

เครื่องรูดบัตรยังจำเป็นต่อร้านค้าหรือไม่ในปี 2026?

เครื่องรูดบัตร EDC เป็นระบบรับชำระเงินที่ร้านค้าคุ้นเคยและใช้งานมายาวนาน แม้ธนาคารและผู้ให้บริการรับชำระเงินรายต่างๆ จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้หลากหลายมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการชำระเงินของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กลับทำให้ธุรกิจเริ่มตั้งคำถามว่า EDC แบบเดิมยังคุ้มค่าและตอบโจทย์อนาคตได้อยู่หรือไม่

Beam ได้พูดคุยกับร้านค้าหลากหลายประเภทธุรกิจทั่วประเทศ ตั้งแต่ค้าปลีก เช่น ร้านแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ไปจนถึงบริการอย่าง Digital Door Lock ฟิตเนส คลินิกเสริมความงาม บริการทำความสะอาด และตกแต่งยานยนต์ พบว่าร้านค้าจำนวนไม่น้อยกำลังทบทวนบทบาทของ EDC ไม่เพียงเรื่องการใช้งาน แต่รวมถึงต้นทุนและความยืดหยุ่นในการรองรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกและความเร็วมากขึ้น

ปัจจัยที่แบรนด์ดังหยิบมาทบทวน

แม้ EDC จะยังมีจุดแข็งหลายด้าน แต่ในทางปฏิบัติ เครื่องรูดบัตรในตลาดไทย ทั้งจากธนาคารและผู้ให้บริการรับชำระเงิน ยังมีข้อจำกัดที่อาจกระทบต่อการขยายธุรกิจและการควบคุมต้นทุนในภาพรวม

หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อย คือ แม้บางรุ่นจะรองรับการชำระด้วยบัตรเครดิต แต่กลับไม่สามารถใช้ได้กับบัตรทุกประเภท เช่น รองรับเฉพาะ Visa และ Mastercard แต่ไม่รองรับ American Express ทำให้พลาดโอกาสขาย โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าต่างชาติและลูกค้าระดับพรีเมียม

ด้านต้นทุน นอกจากค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าธรรมเนียมรายเดือน ค่ามัดจำเครื่อง ค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซม ค่าติดตั้ง และค่าเช่าเครื่องรายเดือน ซึ่งรวมกันแล้วอาจเป็นภาระสำคัญสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง

ข้อจำกัดทางเทคโนโลยีก็เป็นอีกประเด็นสำคัญ หลายเครื่องยังใช้การเชื่อมต่อผ่านซิมการ์ดเป็นหลัก ไม่สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้โดยตรง จึงเสี่ยงต่อปัญหาสัญญาณ นอกจากนี้ เครื่องจำนวนไม่น้อยยังไม่รองรับการผ่อนชำระจากทุกธนาคารหรือผู้ให้บริการบัตรได้ครบ หากต้องการครอบคลุมทุกราย ร้านค้ามักต้องใช้มากกว่าหนึ่งเครื่องควบคู่กัน ซึ่งเพิ่มทั้งต้นทุนและความยุ่งยากในการจัดการ

ในแง่การจัดการก็มีความซับซ้อน เช่น ต้องกระทบยอดแยกจากระบบขายหน้าร้าน การทำรายงานหลายช่องทาง และการประสานงานกับผู้ให้บริการเมื่อมีปัญหาหรือเปลี่ยนแปลง ขณะที่การอัปเดตฟีเจอร์หรือการซ่อมแซมขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการและคุณภาพของบริการหลังการขาย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจเริ่มมองหาโซลูชันการรับชำระเงินที่ทันสมัยและข้ามขีดจำกัดของ EDC ได้จริง

อนาคตแห่งการชำระเงินจะเป็นแบบไหน?

แนวโน้มของรูปแบบการชำระเงินในอนาคตจะเน้นไปที่ความหลากหลาย สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินผ่านมือถือ QR พร้อมเพย์ หรือแอปพลิเคชันธนาคารต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ร้านค้าจำเป็นต้องพัฒนาการรับชำระเงินอยู่เสมอ

ธุรกิจที่สามารถปรับตัวและข้ามข้อจำกัดของรูปแบบการชำระเงินแบบเดิมๆ ได้ก่อน ย่อมมีโอกาสสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันได้มากขึ้น จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา คนไทยมีการใช้ระบบ Digital Payments เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนว่า “อนาคตของการชำระเงิน” คือโลกของดิจิทัลอย่างแท้จริง

อีกหนึ่งทางเลือกใหม่ จ่ายด้วย Beam Bolt 

เมื่อร้านค้าต้องการโซลูชันที่ยืดหยุ่นกว่า ลดต้นทุน และรองรับการชำระเงินได้ครบในเครื่องเดียว Beam Bolt คือคำตอบที่พร้อมก้าวข้ามข้อจำกัดของ EDC แบบเดิม ด้วยความสามารถในการรับชำระผ่านการแตะบัตร QR พร้อมเพย์ E-Wallet และการผ่อนชำระสูงสุด 8 ธนาคาร ครอบคลุมทั้งที่ EDC ในตลาดหลายรุ่นยังทำไม่ได้

ทั้งหมดนี้ทำได้บนอุปกรณ์เดียวโดยไม่ต้องใช้หลายเครื่อง ลดค่าเช่า ค่าบำรุงรักษา และขั้นตอนการจัดการที่ยุ่งยาก อีกทั้งยังเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ได้ทันที ลดความเสี่ยงจากปัญหาสัญญาณ พร้อมพกพาเพื่อไปปิดการขายได้ทุกที่

Beam Bolt จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ยุค Cashless ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีนี้ได้รับการรับรองความปลอดภัยมาตรฐานจาก PCI DSS ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลลูกค้าจะได้รับการปกป้องในระดับเดียวกับเครื่อง EDC แบบดั้งเดิม

สรุป: อนาคตร้านค้าไทยไม่ใช่การเลิกใช้เครื่องรูดบัตร แต่คือการมี ทางเลือกที่ครบเครื่องขึ้น

เครื่องรูดบัตร EDC ไม่ได้ “หายไป” จากโลกการค้า แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ร้านค้ามีทางเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะทางเลือกที่ประหยัดกว่า คล่องตัวกว่า และเหมาะกับยุคที่เงินสดกำลังจะหายไป

สำหรับร้านค้าที่กำลัง:

  • เริ่มต้นธุรกิจใหม่

  • ขยายสาขา

  • เพิ่มช่องทางขายนอกสถานที่

  • หรือแค่อยากลดต้นทุนโดยไม่ลดประสบการณ์ลูกค้า

Beam Bolt อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยไม่จำเป็นต้อง “เปลี่ยนทั้งหมดในทันที”

#The Cashless Movement
#Go Cashless
#Payment Security
Related articles
The Cashless Movement_Cover
The Cashless Movement: A tap today, a cashless tomorrow
published-date-icon13 Jun 2025
published-date-icon5 min read
ธุรกิจออนไลน์รับชำระเงินแบบไหนดี: Beam ตอบโจทย์ทุกความต้องการจริงเหรอ?
ธุรกิจออนไลน์รับชำระเงินแบบไหนดี?
published-date-icon27 Feb 2024
published-date-icon5 min read
สลิปปลอม ความเสี่ยงใหม่ที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม
"สลิปปลอม" ความเสี่ยงใหม่ที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม
published-date-icon25 Apr 2025
published-date-icon3 min read
CoFounderVision
Co-Founder's Vision: Leading Thailand's Cashless Movement
published-date-icon25 Sep 2025
published-date-icon3 min read