Bolt+ vs EDC ต่างกันยังไง? ทิศทางการชำระใหม่ของร้านค้าในอนาคต

ทุกวันนี้ พฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมความคาดหวังในการเลือกวิธีชำระเงินได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น QR พร้อมเพย์ E-Wallet บัตรเครดิตจากหลากหลายผู้ให้บริการ การผ่อนชำระ ไปจนถึง Apple Pay และ Google Pay ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

แต่ปัญหาคือ…

เครื่องรับชำระเงินแบบเดิมไม่สามารถรองรับทุกช่องทางเหล่านี้ได้ครบถ้วน หลายร้านจึงจำเป็นต้องใช้หลายเครื่องเพื่อให้บริการลูกค้าได้ครบ ซึ่งไม่เพียงทำให้ต้นทุนสูง การกระทบยอดยุ่งยาก แต่ขั้นตอนการสมัครก็มักใช้เวลานาน และสุดท้ายอาจทำให้พลาดโอกาสในการขายไปอย่างน่าเสียดาย

Bolt+ จึงเข้ามาแก้ปัญหานี้อย่างตรงจุด
ด้วยความสามารถในการรองรับทุกวิธีชำระเงินในเครื่องเดียว สมัคร ซื้อเครื่อง และเริ่มต้นใช้งานง่าย ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่หรือยื่นเอกสารเยอะ นอกจากนั้นยังรับชำระเงินได้ทุกที่ ตั้งแต่หน้าร้าน เดลิเวอรี่ งานอีเวนต์ ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับจุดจำหน่ายสินค้า/บริการอัตโนมัติ ที่สำคัญคือไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงแบบที่หลายร้านเคยเจอจากระบบเดิม ทำให้ธุรกิจของคุณพร้อมก้าวสู่อนาคตของการชำระเงินอย่างมั่นใจ โดยสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความก่อนหน้าที่นี่

เปรียบเทียบ Bolt+ vs EDC

สังเกตได้ว่า Bolt+ นั้นสามารถรองรับการชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบมากกว่าเครื่องรูดบัตรทั่วไป รวมไปถึงการผ่อนชำระ ที่ลูกค้าสามารถเลือกผ่อนกับหลายธนาคารชั้นนำได้ในเครื่องเดียว พร้อมยังสามารถเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรือ ซิมการ์ด จึงสามารถใช้งานได้สะดวกในทุกสถานที่ ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นเป็นการซื้อขาด ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงเพิ่มเติมและไม่มีการเก็บค่าสมัครใดๆ ทั้งนี้ระยะเวลาในการสมัคร สามารถดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์และเริ่มใช้ได้ในเพียง 1-3 วันทำการ

Bolt+ อุปกรณ์รับชำระเงินยุคใหม่สำหรับธุรกิจไทย

จุดเด่นของ Bolt+

1. สมัครง่ายและอนุมัติไวภายใน 1-3 วันทำการ 

ร้านค้าสามารถสมัคร Beam เพื่อรับชำระเงินผ่าน Bolt+ ได้ทางออนไลน์ โดยใช้เวลาอนุมัติเพียง 1–3 วันทำการ หลังจากนั้นสามารถเริ่มรับชำระเงินได้ทันที ช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก และประหยัดเวลารอให้กับธุรกิจ สมัครได้ที่: https://lighthouse.beamcheckout.com/signup 

2. รองรับทุกวิธีชำระเงินในเครื่องเดียว

• บัตรเครดิตและเดบิตจากเครือข่ายระดับโลก (เช่น Apple Pay, Google Pay, Visa, Mastercard, AMEX, JCB, UnionPay)

• บริการผ่อนชำระจากธนาคารชั้นนำของประเทศไทย

• Cross-border QR รองรับอีวอลเล็ตจากผู้ให้บริการไทยและจีน

• QR พร้อมเพย์


3. รองรับการผ่อนชำระจากทุกธนาคารหลัก

เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีสินค้าราคาสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือสินค้าไลฟ์สไตล์ ช่วยเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า และขยายโอกาสในการปิดการขาย

4. เชื่อมต่อได้ทุกที่ ทุกเวลา

รองรับทั้ง Wi-Fi และซิมการ์ด ใช้งานได้ทั้งในร้านและนอกสถานที่โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม เหมาะสำหรับร้านค้าที่ต้องเคลื่อนที่หรือออกบูธเป็นประจำ

5. ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง

ไม่มีค่ามัดจำ ไม่มีค่าเช่าเครื่อง ซื้อขาดในราคาชัดเจน 4,490 บาท ช่วยให้ร้านค้าสามารถวางแผนต้นทุนได้อย่างโปร่งใสและยั่งยืน

6. รองรับการเชื่อมต่อกับระบบ POS หรือระบบเดิมที่มี

Bolt+ สามารถเชื่อมต่อกับระบบ POS หน้าร้านได้โดยตรงผ่าน API ที่ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อให้ธุรกิจสามารถรวมระบบการขายและระบบชำระเงินไว้ในที่เดียว ลดความซ้ำซ้อนของขั้นตอนการทำงานและช่วยให้สรุปยอดขายได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ยังสามารถนำ Bolt+ ไปรับชำระเงิน ณ จุดขายแบบไร้พนักงาน เช่น ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (Self-service Kiosk) เครื่องรับชำระในพื้นที่สาธารณะ หรือระบบชำระเงินอัตโนมัติในอีเวนต์ ทำให้ธุรกิจสามารถขยายโอกาสในการรับชำระเงินได้ในทุกสถานการณ์จริง

ตัวอย่างการใช้งาน Bolt+ ในธุรกิจไทย

1. ร้านกาแฟในกรุงเทพฯ ที่ต้องรองรับลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ

ร้านกาแฟขนาดกลางย่านสุขุมวิท ซึ่งมีลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดิมเคยรับเฉพาะเงินสดและบัตรเครดิตบางค่าย ทำให้เสียโอกาสกับลูกค้าที่ต้องการชำระผ่าน E-Wallet หรือบัตรต่างประเทศ

Bolt+ รองรับชำระผ่าน VISA, Mastercard, JCB, Amex, พร้อม QR พร้อมเพย์ และ E-Wallet ชั้นนำได้ครบในเครื่องเดียว ช่วยลดภาระการจัดการเงินสดหน้าร้านและตรวจสอบยอดธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์

2. ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายด้วยการผ่อนชำระ

ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในเชียงใหม่มีลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อสินค้าราคาสูง เช่น เครื่องซักผ้าและทีวี จึงต้องการระบบชำระเงินที่รองรับการผ่อนจ่ายหลายธนาคาร

Bolt+ รองรับการผ่อนชำระได้สูงสุด 7 ธนาคาร ภายในเครื่องเดียว นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบ POS หน้าร้านเพื่อสรุปยอดขายและสต๊อกสินค้าอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาในการปิดยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ร้านสะดวกซื้อชุมชนในต่างจังหวัดที่ต้องการเครื่องเดียวรองรับทุกการชำระเงิน

ร้านโชห่วยสมัยใหม่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีเริ่มรับลูกค้าหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่นักท่องเที่ยวไปจนถึงคนในพื้นที่ แต่เครื่อง EDC เดิมรองรับเฉพาะบัตร ทำให้ลูกค้าที่ต้องการจ่าย QR พร้อมเพย์ไม่สะดวก Bolt+ ช่วยให้ร้านรับทั้งบัตร QR พร้อมเพย์ และ E-Wallet บนเครื่องเดียว จบทุกการขายในเครื่องเดียวพร้อมรายงานยอดขายรายวัน ทำให้ร้านจัดการเงินง่าย และไม่ต้องใช้อุปกรณ์หลายชิ้นเหมือนเดิม

4. ร้านสะดวกซักแบบ Self-Service 

ร้านสะดวกซักในนครราชสีมาต้องการระบบรับชำระที่ไม่ต้องมีพนักงานประจำจุด จึงติดตั้ง Bolt+ ในรูปแบบ Unattended Payment เชื่อมต่อกับเครื่องซักผ้าและตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ

ลูกค้าสามารถแตะบัตรหรือสแกน QR เพื่อชำระเงินได้ทันที ระบบ Beam จะส่งข้อมูลเข้าระบบจัดการธุรกรรมโดยอัตโนมัติ ช่วยลดการพกเงินสดและเพิ่มความปลอดภัยของร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า Bolt+ ไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์รับชำระเงินเท่านั้น แต่เป็นโซลูชันที่ช่วยให้ธุรกิจทุกประเภท ตั้งแต่ร้านค้าหน้าร้านขนาดเล็กไปจนถึงธุรกิจระบบอัตโนมัติ สามารถ “รับทุกการชำระได้ทุกที่ ทุกเวลา” อย่างแท้จริง

บทสรุป: Bolt+ อุปกรณ์รับชำระเงินที่เติบโตไปพร้อมกับธุรกิจไทย

ในยุคที่ธุรกิจต้องตอบสนองลูกค้าอย่างรวดเร็วและคล่องตัว “การรับชำระเงินที่ง่ายและครบจบในเครื่องเดียว” กลายเป็นสิ่งจำเป็น

Bolt+ ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นตัวช่วยให้ร้านค้าทุกขนาดก้าวเข้าสู่ยุค Cashless ได้อย่างมั่นใจ Beam มุ่งมั่นทำให้การรับชำระเงินเป็นเรื่องง่ายที่สุดในโลก (The World’s Simplest Ways to Checkout) และ Bolt+ คืออีกก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้มากขึ้น และเติบโตได้อย่างยั่งยืน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bolt+ ได้ที่ LINE OA: @beamcheckout